วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ข้อมูลการเดินทางของ จ. ประจวบคีรีขันธ์

ข้อมูลการเดินทางของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ 

รถยนต์ 
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ

เส้นทางแรก ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงครามแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่ตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

เส้นทางที่สอง ใช้เส้นทางสายเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
รถไฟ 
     จากสถานีรถไฟหัวลำโพงมีบริการขบวนรถไฟสายใต้ผ่านหัวหิน ปราณบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ทุกวัน รถไฟท้องถิ่นมีขบวนรถกรุงเทพฯ-หัวหิน ออกจากกรุงเทพฯ 09.25 น. ถึงหัวหิน 13.45 น. และวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีขบวนรถนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์แบบเช้าไปเย็นกลับ หรือ จากสถานีรถไฟธนบุรี มีขบวนรถไฟธนบุรี-หลังสวน ออกเวลา 07.20 น. ถึงหัวหิน 11.52 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0 2220 4334 หรือ

www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง 
     จากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพฯ-หัวหิน กรุงเทพฯ-ปราณบุรี และกรุงเทพฯ-บางสะพาน เป็นประจำทุกวัน บริษัทที่ให้บริการเดินรถเส้นทางสายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ บริษัทหัวหิน-ปราณทัวร์ โทร. 0 2894 6057, 0 2884 6191-2 (ตั้งแต่เวลา 04.00–22.30 น.), บริษัทพุดตานทัวร์ โทร. 0 2894 6046 (ประจวบ) โทร. 0 3261 1411 (ตั้งแต่เวลา 06.00–01.30 น.), บริษัทบางสะพานทัวร์ โทร. 08 1829 7752, 08 1829 8641 บางสะพาน โทร. 0 3269 9043 บ้านกรูด โทร.0 3269 5074 (รถออกเวลา 07.30 น. รถบ้านกรูดออกเวลา 12.30 น. (วันเสาร์เพิ่มรอบ 07.30 น.) ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ โทร. 0 2435 1199, 0 2434 7192, 0 2435 5605 หรือwww.transport.co.th


เครื่องบิน 
     จากสนามบินสุวรรณภูมิ มีสายการบิน เอส จี เอ บินระหว่างกรุงเทพฯ-หัวหิน วันละ 2 เที่ยวบิน เวลา 12.30 น.และ 17.30 น. และกลับ 2 เที่ยว เวลา 14.40 น. และ 18.40 น. เป็นประจำทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละ 45 นาที ติดต่อ SGA Airlines Office กรุงเทพฯ โทร. 0 2644 6099 สุวรรณภูมิ โทร. 0 2134 3233-4 โทรสาร 0 2134 3235 หัวหิน โทร. 0 3252 2300, 0 3252 2302   www.sga.co.th , Email : info@sga.aero


รถเช่า
- ร้านเช่ารถนิวทราเวล (ข้างโรงแรมโซฟิเทล) โทร. 08 9742 5861, 08 97425861  โทรสาร 0 3253 6152
E-mail:newtravel_carrent@hotmail.com, www.huahinnewtaxi.com บริการ 24 ชม.
- เร้นท์ อะ คาร์ หัวหิน 42/33 ซ.หมู่บ้านเขาเต่า โทร.089-1435506, 085-2995103
E- mail:info@rentacarhuahin.com /เปิดบริการ 09.00 — 17.00 น. 
www.rentacarhuahin.com
- เอ็น แอนด์ โอ หัวหินคาร์เซอร์วิส  ถ.พูนสุข (หน้าโรงแรมซิตี้บีช) โทร.08 7167 3513, 08 7919 0137
เปิดบริการทุกวัน 24 ชม.
- Hua Hin Car Rental174/1 ถ.ดำเนินเกษม , ข้างโรงแรมโซฟิเทล โทร.08 6006 2924, 08 6006 2924

- รถเช่า ยุโรปคาร์หัวหิน  ถ.เพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โทร.0 3251 3500


การคมนาคมภายในตัวจังหวัด จ.ประจวบคีรีขันธ์  
การเดินทางจากอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ไปยังอำเภอต่าง ๆ
อำเภอเมือง - กิโลเมตร 
อำเภอกุยบุรี 30 กิโลเมตร 
อำเภอทับสะแก 34 กิโลเมตร 
อำเภอสามร้อยยอด 54 กิโลเมตร
อำเภอปราณบุรี71 กิโลเมตร
อำเภอบางสะพาน87 กิโลเมตร 
อำเภอหัวหิน90 กิโลเมตร
อำเภอบางสะพานน้อย 110 กิโลเมตร


อ้างอิงที่มา

อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์


อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์

หว้ากอ...ดินแดนแห่งนี้นับเป็นอนุสรณ์สถานที่ได้จารึกพระนาม คิงมงกุฎ ไว้ในหน้า ประวัติศาสตร์ให้โด่งดังปรากฏไปทั่วโลก และนำพระเกียรติยศเกียรติประวัติมาสู่ประเทศไทย นำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนชาวไทยตราบทุกวันนี้ โดยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช เพื่อทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน ซึ่งคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปีว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันอังคาร เดือน 9 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 1230 ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม 2411 โดยเส้นศูนย์ของอุปราคา จะผ่านมาใกล้ที่สุด ณ บ้านหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในพระราชอาณาจักรสยาม ทางฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ตรงเส้นวิตถันดร (แลตติดจูต) 11 องศา 38 ลิปดาทิศเหนือ และเส้นทีรฆันดร (ลองติดจูต) 29 องศา 39 ลิปดาทิศตะวันออก โดยคราสเริ่มจับเวลา 10 นาฬิกา 4 นาที จับเต็มดวง เวลา 11 นาฬิกา 36 นาที 20 วินาที กินเวลานาน 6 นาที 45 วินาที คลายคราสออกเวลา 13 นาฬิกา 37 นาที 45 วินาที ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานการคำนวณจากประเทศตะวันตกมาก่อนหน้านี้
ในระหว่างนั้นประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างก็เฝ้ารอวันพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาที่หว้ากอ เมื่อใกล้ถึงวัน ทรงโปรดให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์มาสร้างค่ายไว้ล่วงหน้า และพระองค์ได้ใช้ค่ายนี้เป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์กลางแจ้ง เพื่อเป็นที่ชุมนุมของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกและคณะฑูตานุทูตประเทศต่างๆ แล้วก็เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงตามที่พระองค์ทรงคำนวณ โดยไม่คลาดเคลื่อน พระราชกรณียกิจในครั้งนั้นทำให้พระเกียรติยศระบือไกล บรรดาแขกต่างประเทศจำนวนมากได้รับทราบถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่มีไม่แพ้ชาติใด ทั้งๆที่ยังขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ พระเกียรติคุณในด้านวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับและปรากฏเด่นชัดแก่บรรดานักปราชญ์ และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก แต่ประชาชนชาวไทยก็ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพได้เพียง 5 วัน ก็ทรงประชวรและเสด็จสวรรคตด้วยไข้มาเลเรีย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2411 นั่นเอง
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระองค์และวันสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ และในวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งขึ้นเป็นสถานศึกษาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2536 ปัจจุบันสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"
ข้อมูลทั่วไป
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ริมอ่าวหว้ากอ ในตำบลคลองวาฬห่างจากตัวเมืองประจวบฯ ไปทางทิศใต้ราว 12 กิโลเมตร มีอาณาเขตรวมเนื้อที่ 485 ไร่ 1 งาน 56.2 ตารางวา พื้นที่ด้านตะวันออกถูกขนาบด้วยทะเลฝั่งอ่าวไทย มีทิวสนทะเลขึ้นตลอดแนวชายหาด สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบ ดินร่วนปนทราย สภาพภูมิอากาศแบ่งเป็น 3 ฤดูกาลคือ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน และฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม - มกราคม
ในอดีต หว้ากอ เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลคลองวาฬซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้ทรงคำนวณไว้ว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่นี่ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 ทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรสุริยุปราคา ณ ที่แห่งนี้พร้อมพระราชโอรส พระราชธิดา ข้าราชบริพาร ตลอดจนทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าให้ชาวต่างประเทศได้มีโอกาสร่วมชมปรากฎการณ์ครั้งนี้ด้วย ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวรด้วยไข้มาเลเรียและเสด็จสวรรคตอันเนื่องมาจากเสด็จหว้ากอในครั้งนั้น และแล้วค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ ณ บ้านหว้ากอ ก็ถูกลืมและทิ้งให้ปรักหักพังไปตามสภาพ
ต่อมาในปี พ.ศ.2536 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษา เพื่อเทิดพระเกียรติองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสนองนโยบายการกระจายโอกาสในการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีดาราศาสตร์ อวกาศ และสิ่งแวดล้อม แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วประเทศ
ฐานการเรียนรู้
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้บริการฐานการเรียนรู้ 25 ฐานการเรียน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม การเีรียนรู้ดังนี้
1.กลุ่มวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพลังงาน ได้แก่ ฐานพระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย , ฐานบันทึกเกียรติยศ , ฐานโลกอนาคต , ฐานเมืองเด็ก , ฐานคมนาคมและขนส่ง , ฐานเปิดโลกพลังงาน , ฐานสวนวิทยาศาสตร์ , ฐานเปิดโลกคอมพิวเตอร์ , ฐานหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ , ฐานเทคโนโลยีเพื่ออาชีพ , ฐานวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ , ฐานโบราณสถาน , ฐานพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย , ฐานอุทยานการศึกษาพระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย
2.กลุ่มดาราศาสตร์และอวกาศ ได้แก่ ฐานฟากฟ้า ณ หว้ากอ , ฐานมนุษย์กับดวงดาว , ฐานพระมหากษัตริย์ราชวงศ์ไทยกับดาราศาสตร์ , ฐานความเป็นไปได้ในจักรวาล , ฐานเทคโนโลยีอวกาศและเอกภพ
3.กลุ่มธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ฐานธรรมชาติศึกษา , ฐานนกและแมลง , ฐานทรัพย์จากแผ่นดิน & สวนหิน , ฐานระบบนิเวศ & โลกเรา ขุนเขา และทะเล , ฐานพื้นที่ชุ่มน้ำ , ฐานพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
รายละเอียดค่าใช้่จ่ายในการศึกษาฐานการเรียนการสอน
สนใจจองและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : งานการตลาด 032-661104 ต่อ 15
หมายเหตุ : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. (วันจันทร์ - ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ)

คลิปวิดีโอจากรายการ ทรูปลูกปัญญาดอทคอม  http://www.trueplookpanya.com/true/tv_list.php


ขอขอบคุณข้อมูลจาก อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์http://www.waghor.go.th/newweb/home/index.php

หนัง เรื่อง ตาม่องล่าย จ.ประจวบคีรีขันธ์





อ้างอิงที่มา
http://www.youtube.com/watch?v=qC-UMplAr2Q

ตำนานเกาะนมสาว

ตำนานเล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ ณ อ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ ผู้เป็นพ่อชื่อ ตาม่องล่าย มีภรรยาชื่อ นางรำพึง และลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่านาง “ยมโดย“
เล่ากันว่า นางยมโดยเป็นสาวงามยิ่งนักเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งใกล้และไกล
ความงดงามของสาวยมโดย เลื่องลือไปจนถึงเมืองเพชรบุรี “เจ้าลาย“ ผู้เป็นลูกชายของเจ้าเมืองเพชรก็ได้ยินกิตติศัพท์นี้เหมือนกัน
จึงปลอมตัวเป็นชาวประมงมาเพื่อพบสาวยมโดย แล้วก็เกิดชอบพอรักใคร่กันจึงได้สู่ขอแต่งงานกับสาวยมโดย
โดยการสู่ขอกับนางรำพึงผู้เป็นแม่นางรำพึงก็ยกให้เจ้าลายโดยไม่บอกให้ตา ม่องล่ายรู้ ในขณะเดียวกันนั้นตาม่องล่ายได้ออกเรือหาปลาอยู่แถว ๆ อ่าวบางสะพาน
ได้พบกับกองเรือสำเภาค้าขายของกรุงจีนจึงชักชวนกันมาเที่ยวที่บ้านของตาม่องล่าย พอลูกชายเจ้ากรุงจีนได้พบนางยมโดยก็เกิดชอบนางยมโดยทันที
จึงสู่ขอนางยมโดย โดยสู่ขอทางตาม่องล่ายซึ่งก็ไม่บอกให้นางรำพึงรู้
พอถึงวันแต่งงานขบวนขันหมากของเจ้าลายและกองเรือสำเภาของลูกชายเจ้ากรุงจีน ยกมาถึงบ้านตาม่องล่ายในเวลาเดียวกัน
เลยเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพราะทั้งตาม่องล่ายและยายรำพึง ต่างฝ่ายต่างต้องการคนของตัวเอง
เมื่อตกลงกันไม่ได้ก็เกิดการทะเลาะกัน ยายรำพึงใจร้อนคว้าหมวกขว้างใส่ตาม่องล่าย หมวกก็ลอยไปตกเป็นเกาะหมวก
คว้ากระบุงขว้างใส่อีก กระบุงก็ลอยไปตกเป็นเกาะกระบุง
ตาม่องล่ายเมื่อถูกทำร้ายก่อนก็เดือดดาล คว้าได้สากตำข้าวขว้างใส่นางรำพึงบ้าง แต่ไม่ถูกนางรำพึง
สากอันนั้นก็ลอยละลิ่วไปถูกที่หัวเกาะ ๆ หนึ่งที่ทอดตัวขวางอ่าวบางสะพานอยู่ ทะลุเป็นรูใหญ่ กลายเป็น "เกาะทะลุ"
แล้วเจ้าสากอันนั้นก็ลอยไปตกกลายเป็นเกาะสาก แต่ในขณะที่สากชนเกาะจนทะลุนั้นบังเอิญมีกระจงตัวหนึ่ง หากินอยู่ใกล้ๆ โดนสากจนหัวขาด
แล้วลอยไปตกเป็นเกาะหัวกระจงที่ชุมพร ในขณะเดียวกันไส้ของกระจงตัวนั้นก็ลอยไปตกกลายเป็นเกาะไส้กระจงอยู่ใกล้ๆ กัน
หลังจากนั้นก็ทะเลาะทุบตีกัน นางรำพึงสู้ไม่ได้วิ่งหนีและตาย กลายเป็นเขาแม่รำพึง นอนพิทักษ์อ่าวแม่รำพึงตั้งแต่วันนั้นมา
พอเมียตายตาม่องล่ายเลยคลุ้มคลั่งจับร่างนางยมโดยฉีกออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งโยนให้เจ้าลายกลายเป็นเกาะนมสาวที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
อีกซีกโยนให้ลูกชายเจ้ากรุงจีนกลายเป็นเกาะนมสาวที่จังหวัดชลบุรี
จากนั้นเจ้าลายซึ่งเสียคนรักไปก็เสียใจยกขบวนขันหมากกลับเพชรบุรี
แก้วแหวนเงินทองต่างๆ ที่นำมาเป็นของหมั้นก็ขว้างทิ้งกลายเป็น เขาหัวแก้วหัวแหวน เขาเพชร เขาพลอย
แล้วเจ้าลายก็ตายเพราะความเสียใจ กลายเป็นเขาเจ้าลายอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
ส่วนลูกชายเจ้ากรุงจีนก็เสียใจ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวก็ขว้างทิ้ง กระจกส่องหน้าก็ขว้างทิ้งลอยลิ่วไปตก กลายเป็นเขาช่องกระจก
ตะเกียบใช้กินข้าวก็ขว้างทิ้งกลายเป็นเขาตะเกียบ พวกเบี้ยต่างที่นำมาเป็นของหมั้นก็ทิ้งกระจัดกระจายจนกลายเป็น เกาะเล็ก เกาะน้อย เกาะสิงห์ เกาะสังข์
จนตราบเท่าทุกวันนี้ จากนั้นตาม่องล่ายก็ตรอมใจตายกลายเป็นเขาตาม่องล่ายที่ประจวบคีรีขันธ์
เก็บรูปเกาะในตำนานมาฝากค่ะ
เกาะนมสาว จ.ประจวบคีรีขันธ์
เกาะสาว อยู่หน้าที่พักนี่เองค่ะ พายเรือไปเที่ยว
เกาะทะลุ
เขาตาม่องล่าย จ.ประจวบคีรีขันธ์
เขาตาม่องล่าย อยู่ปลายหาดทางเหนือของอ่าวประจวบ
เขาตะเกียบ
เขาตะเกียบ อยู่ที่ อ.หัวหินค่ะ
เกาะสาก
เกาะสาก

TRM จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


อ้างอิงแหล่งที่มา

http://www.youtube.com/watch?v=HiBSCJtdl0E

ตลาดน้ำหัวหิน

    ออกจากวัดห้วยมงคลแล้ว เราออกเดินทางต่อไปยัง "ตลาดน้ำหัวหิน" สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.หัวหิน โดยการเดินทางจากวัดห้วยมงคลไปก็ไม่ไกล โดยตรงย้อนกลับมาที่เส้น บายพาส แล้วก็ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ตรงไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะเห็นตลาดอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถขนาดใหญ่ พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว


          บรรยากาศของตลาดน้ำหัวหิน เนื่องจากเป็นสถานที่เปิดใหม่อยู่ ดังนั้น ตัวอาคารจึงดูสะอาด สวยงาม โดยการวางฝังของตลาด จะมีบึงขนาดใหญ่ อยู่ตรงกลางของตลาดน้ำ แล้วก็มีตัวร้านค้า ตั้งล้อมรอบ ตัวบึง และเชื่อมต่อแต่ละโซน ถึงกันหมดด้วยสะพานไม้ แต่ละโซน จะตั้งชื่อตามชื่อตามอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ดูน่าสนใจไปอีกแบบนึง เป็นการโปรโมทอำเภอต่าง ๆ  ของจังหวัดไปด้วย



          สภาพร้านค้าโดยทั่วไป ก็จะมีของที่นำมาขาย หลากหลายประเภท ตั้งแต่ของกินยันของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ขนมนมเนยต่าง ๆ ก็มีให้เลือกกันอย่างมากมาย คนที่เข้ามาเดินส่วนมาก ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ รวมถึงร้านค้าที่มาเปิดก็เป็นกรุงเทพซะเยอะเหมือนกัน บางคนก็เดินถ่ายรูป มีมุมสวย ๆ ให้หยุดถ่ายกันอยู่เรื่อย ๆ บางคนก็นำน้องหมา น้องแมวมาเดินเล่น รับลมและแสงแดดกันอย่างสนุกสนาน เดินไปเดินมาเหนื่อย ก็หยุดพักกินอาหาร ขนมาขายอยู่บนเรือพายริมน้ำ (ถ้าไม่มี เดี้ยวจะดูว่าไม่ใช่ ตลาดน้ำครับ อิอิ ) ไม่ว่าก๋วยเตี๋ยว บะหมี่เกี้ยว หรือ ผัดไข่ปลาหมึก และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จอดเรียงรายกันอยู่ริมน้ำ




          จากการที่ได้สัมผัสแล้ว การนำรูปแบบของวัฒนธรรมสมัยก่อน เช่น ตลาดน้ำของไทย มาประยุกต์เข้ากับรูปแบบของร้านค้าสมัยใหม่ สินค้าสมัยใหม่นั้น ก็ดูเป็นเทรนใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังเกิดขึ้นมากมาย ในประเทศ มองในแง่ดีแล้ว ก็เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่ดี ซึ่งดีกว่าการที่เรารับวัฒนธรรมใหม่ ๆ เข้ามาโดย ไม่รู้ตัวหรือหลงลืมวัฒนธรรมเก่า ๆ ของตัวเองไปเสียหมด



          แต่สิ่งที่น่าห่วงของที่ท่องเที่ยวใหม่แบบนี้ คือเรื่องของการจัดการ และนิสัยมักง่ายของคนไปเที่ยว เช่น เรื่องของถังขยะ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยว รวมไปถึงนิสัยคนไทย คือ ง่าย ๆ กินเสร็จแล้ววางตรงไหนก็ได้ กลับจะเป็นตัวทำลายความสวยงาม และความน่าประทับใจของสถานที่เหล่านี้เสียเอง ฝากเพื่อน ๆ ที่เข้าไปเที่ยวกัน ช่วยกันดูแล เพื่อให้สถานที่เหล่านี้ ยังคงน่าท่องเที่ยว และเป็นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติได้อย่างภาคภูมิใจ สมกับจุดประสงค์ ที่ตั้งขึ้นมาครับ



          สุดท้ายนี้ เพื่อน ๆ ชาว e-magazine.info ที่จะไปเที่ยว ขอให้เที่ยวให้สนุก เก็บภาพสวย ๆ กลับมาเป็นของฝาก เป็นความทรงจำดี ๆ ครับ แล้วอย่าลืม ช่วยกัน ซื้อของไทย เที่ยวเมืองไทย รักเมืองไทยนะครับ

เกร็ดความรู้

          เส้นทางการเดินทางไปวัดห้วยมงคล

           1.รถยนต์ส่วนตัว : ใช้เส้นทางจาก กรุงทพ – หัวหิน เมือถึงหัวหินแลว ใช้เส้นทางหนองพลับ-ป่าละอู (ทางหลวงหมายเลข 3218) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงตำบล ทับใต้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกหนองตะเภา แล้วเข้าไปตามทางจนถึงวัดห้วยมงคล

           2. รถสาธารณะ : วัดห้วยมงคลไม่มีรถสาธารณะเข้าถึง ต้องเหมารถสองแถวจากหัวหินไป หรืออาจจะเช่ารถมอเตอร์ไซต์จากรีสอร์ท ที่พักแล้วขับไปที่นั่นจะคุ้มกว่า เพราะว่าระยะทางค่อนข้างไกลจากหัวหินพอสมควรครับ

           3. เวลาการเข้าเยี่ยมชม : เปิดระหว่างเวลา 05.00-22.00 น.

แผนที่การเดินทางไปวัดห้วยมงคล และ ตลาดน้ำหัวหิน







วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์

วัดห้วยมงคลป็นวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” ตั้งอยู่ ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน นามใหม่จากห้วยคตเป็นห้วย“มงคล”ซึ่งปัจจุบัน ใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ อีกมากมาย
วัดห้วยมงคล
กว่าสี่สิบปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาเยี่ยม ประชาชนด้วยโครงการ ต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผสกนิกรได้มีฐานะดีขึ้น ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้า และ โครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่ พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้านต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็น นักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพบูชาของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอก วิเศษ คงอุทัยกุลรองสมุห ราชองครักษ์ ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้า น้อม กระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพนะชนมพรรษาครบ 6 รอบ รวมทั้งเผยแผ่และ สืบทอด พระพุทธศาสนา อีกทั้งใหเป็น ที่เคารพสักการะบูชา และเป็นที่พึ่งทางใจ ของเหล่าพุทธศาสนิกชน
หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ในมุมต่างๆ
วัดห้วยมงคลวัดห้วยมงคล
วัดห้วยมงคลวัดห้วยมงคล
 ด้วยเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ที่พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความ เคารพ              เลื่อมใส มาเป็นเวลานาน และรู้จักเป็นอย่างดี จึงก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐ                          และ เอกชนในการสร้าง ปฏิมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกาลนี้ สมเด็จพระนางเจ้า          พระบรมราชินีนารถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด                                           เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547และพระราชทานพระราชา นุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ            ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวด
วัดห้วยมงคลวัดห้วยมงคล
   นอกจากนี้ที่วัดห้วยมงคลแห่งนี้ ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจือแกะสลักจากไม้ตะเคียน ทองขนาดใหญ่                    อายุกว่าพันปี มราฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จ.แพร่ ลึกกว่า 10 เมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่มีแก่นสูง 1 คี                ขึ้นไปจะมีีรุกขเทวดาสถิตอยู่ เพื่อปกป้องคุ้มครอง คนที่มาสักการะบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ                     เช่นแกะสลักเป็น หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จึงมีอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้                           ซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร            ได้จัดสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยพร้อมที่จะให้พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศได้เดินทางมานมัสการ                      กราบไหว้ เคารพ สักการะ ด้วยเส้นทางที่สะดวกต่อ ีการคมนาคม
อยากถวายสังฆทานก็มีให้ถวายด้วยบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด
วัดห้วยมงคลวัดห้วยมงคล